ต้องบอกว่าในที่สุดก็พร้อมขายอย่างเป็นทางการสักทีกับยางบิ๊กไบค์ที่ก่อนหน้านี่หลายคนพยายามตามหากัน VREDSTEIN (อ่านว่า เฟร-เดอร์ส-สะ-ไตน์) ด้วยเรื่องของราคาที่ถูก กับความหนึบ เเละความสามารถในการรีดน้ำที่ถูกจริตการใช้งานจริงในเมืองไทยทำให้ Centauro ST ที่ถูกปล่อยออกมาลองตลาดก่อนได้รับควมนิยมเป็นอย่างมากแบบ “ปากต่อปาก”


ก่อนจะมาถึงวันนี้ วันที่ VREDSTEIN พร้อมบุกตลาดประเทศไทยอย่างเต็มที่ ส่ง CENTAURO NS ลงสนามช่วงชิงลูกค้ากลุ่ม “สปอร์ตไบค์เต็มตัว” ด้วยการเเถลงเปิดตัว อย่างเป็นทางการในประเทศไทย โดยจัดแสดงยางทั้งสองรุ่น เเละเปิดให้ทดสอบสมรรถนะกันจนหายสงสัยที่สนามมอเตอร์สปอร์ตพาร์คสุวรรณภูมิเมื่อไม่นานมานี้โดยได้รับเกียรติจากคณะผู้บริหารจากต่างประเทศโดยตรงของ VREDSTEIN มาแนะนำสินค้าด้วยตัวเอง



สำหรับตัวยาง VREDSTEIN นั้นเป็นยางระดับพรีเมียมสัญชาติเนเธอเเลนด์ ที่ก่อตั้งครั้งแรกจนถึงตอนนี้ก็ 110 ปี!! เเละถูกเลือกเป็นยางติดรถระดับ Super Car ซึ่งการันตีได้ในระดับนึงเลยว่า “เจ๋งพอตัว” สำหรับยางตระกูล CENTAURO นั้นออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ผู้ออกแบบซูปเปอร์ไบค์ชื่อดังชาวอิตาลี “Frascoli” รวมถึงใช้เทคนิคพิเศษที่ทำให้ยาง CENTAURO แตกต่างกับเเบนด์อื่นอย่างชัดเจนซีรี่ส์ CENTAURO มี 2 รุ่นโดยแบ่งกลุ่มผู้ใช้ช้ดเจนเริ่มจาก

CENTAURO ST ราคาคู่ละ 7,000 บาทยางเรเดียลที่ออกแบบมาสำหรับรถบิ๊กไบค์ และ รถทัวร์ริ่ง ที่มีการบรรทุกหนัก รวมถึงรถบิ๊กไบค์ทั่วไปซึ่ง CENTAURO ST จะเป็นยางแบบ 1 คอมปาว์ด เน้นความทนทาน มีลายดอกยางที่ออกแบบเป็นพิเศษรีดน้ำได้เป็นอย่างดี


พร้อมหน้าสัมผัสที่มากขณะขับขี่ เนื้อยางออกแบบส่วนผสมให้คงประสิทธิภาพได้ในทุกช่วงอุณหภูมิการ มี “ซิลิก้าคอมปาวด์” ที่ช่วยในการยึดเกาะเเละรีดน้ำ โครงยางแบบ Zero degree ไม่มีรอยต่อ มีชั้นผ้าใบถึง 2 ชั้นบรรทุกหนัก หรือเข้าโค้งแรงๆ รถก็จะยังคงนิ่ง(ยางไม่ย้วย) ยังมีชั้นผ้าใบเสริมอีก 2 ชั้นรองรับการบรรทุกหนักหรือการใช้งานหนักอย่างแท้จริงอีกรุ่นออกมาใหม่ล่าสุดเลยครับ

CENTAURO NS ค่าตัวคู่ละ 8,000 รุ่นนี้ออกแบบมาสำหรับรถบิ๊กไบค์สายสปอร์ตมีส่วนผสมที่คล้ายกับ ST แต่ความแตกต่างจะอยู่ที่รุ่น NS จะมี 2 คอมปาวด์ 3 โซน สะพานยางตรงกลางจะเป็นแบบ Hard ส่วนแก้มยาง 2 ข้างจะเป็นแบบ Medium-Soft เพื่อให้ทนทานในการใช้งานและเข้าโค้งได้หนึบมั่นใจตามแบบที่รถสปอร์ตต้องการ


ลายดอกยางออกแบบพิเศษเริ่มตั้งแต่ เส้นกลางของยางส่วนนี้จะไม่มีรองยางเลยคือ ยึดเกาะกับพื้น 100% ขยับมานิดนึงจะเป็นร่องยางที่ลากไปจนถึงขอบยางเพื่อรีดน้ำ ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดนอกจากนี้ยังมี “ซิลิกา คอมปาว์ด” ที่ช่วยให้ยึดเกาะกับพื้นผิวถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งแบบแห้งและเปียก ยางเซ็ตตัวไว(ใช้เวลาวอร์มน้อยกว่าก็พร้อมใช้งาน) นอกจากนี้ยางยังมีมุมโค้งสำหรับการเลี้ยวในรูปแบบต่างๆทำให้ควบคุมง่าย เลี้ยวง่าย คอนโทรลรถในโค้งได้ง่าย นอกจากนี้รุ่น NS ยังใช้จุดเด่นของ ST เข้ามามีส่วนร่วมด้วยเหมือนกันนั่นก็คือในส่วนของโครงยางแบบเดียวกันคือ Zero Degre และผ้าใบสองชั้น ทั้งหมดนี้ทำให้ CENTAURO NS มีความครบเครื่องทั้ง การใช้ความเร็วสูง การควบคุม และความนิ่งจากความแข็งแกร่งของโครงยาง

ในส่วนของการทดสอบ ผมได้ทำการทดสอบยางทั้ง 2 ตัว จะขอพูดถึง CENTAURO NS ก่อนนะครับ จากที่ทำการทดสอบมาอันดับเเรกเลยคือปกติก่อนจะใส่เต็มในสนามแอดจะวนรถอยู่ประมาณ 5 นาทีเป็นอย่างต่ำเพื่อให้ยางอุ่น หรือพร้อมใช้งานเเต่ตัวนี้เมื่อลงไปขี่พลิกซ้าย-ขวาอยู่ประมาณ 1 รอบสนามก็รู้สึกว่ายางมันพร้อมเเล้วก็ใส่เต็มที่เลย ตัวยางทำได้ดีโดยเฉพาะการยึดเกาะที่ทำให้ผมค่อนข้างประหลาดใจด้วยมุมพับที่ค่อนข้างมากเเต่ตัวยางก็ยึดเกาะได้ดี อีกอย่างนึงคือสนาม MSP มีลักษณะเป็นโค้งสั้นๆ มีจุดพับต่อเนื่อง

ซึ่งตัวยาง CENTAURO NS ก็สามารถบังคับผ่านโค้ง S พวกนั้นได้ดี แต่จะตินิดหน่อยก็น่าจะเป็นจังหวะกระเเทกออกเเรงๆ ยางยังมีอาการเเฉลบนิดหน่อย(แต่จังหวะนั้นเปิดเเรงจริงครับคือกระเเทกออกเลยด้วยรถยังไม่ตั้งตรงเต็มที่ด้วยลมยาง (32-30 CBR650R) นอกนั้นโดยรวมโอเคไม่รู้จะติอะไรเเล้ว


มาที่พระเอก(ของผม)กันบ้าง CENTAURO ST จริงๆยางตัวนี้ผมได้รับโอกาสให้ทดลองก่อนวางตลาดมากว่า 2 ปีได้เเล้วครับ ปัจจุบันขณะที่เขียนตอนนี้ ผมใช้ยางหน้าไปเเล้ว 1 เส้น และยางหลังเปลี่ยนมาเเล้วเป็นเส้นที่ 2 รวมระยะทางที่ผมใช้ยาง CENTAURO ST มาก็น่าจะมี 20,000 กม.ขึ้นไป กับการใช้งานของผมคือ “ทัวร์ริ่งสไตล์” เดินทางออกทริป ปี๊ป 3 ใบบรรทุกเต็มอัตรา ซ้อนสองด้วย รวมถึงการใช้งานทั่วไป เเละขี่ซ้อมแบบ Track บ้างในบางครั้ง

สิ่งที่ผมบอกได้เลยคือ CENTAURO ST เป็นยางที่มีความทนทานอย่างมาก มีอัตราการสึกหรอที่ต่ำ ร่องดอกยากรีดน้ำได้ดีจริงอันนี้การันตีเลย ในช่วงที่ฝนตกหนักๆผมขี่รถลุยยาวๆ 3-4 ชั่วโมง ขี่ได้มั่นใจมาก รีดน้ำดีเป็นที่น่าพอใจ ส่วนการขี่เข้าโค้งหนึบครับไม่เเพ้ยางเเพงๆที่เคยใช้มาก่อนหน้านี้เลยอันนี้ไม่ได้อวยแต่ผมยืนยันว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ เอาเป็นว่าสำหรับ CENTAURO ST ใครอยากจะอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูได้ที่ ลิ้งค์นี้ครับผมทำไว้ละเอียดเลยล่ะ >>
สำหรับคนที่สนใจตอนนี้ CENTAURO ทั้ง NS และ ST มีไซส์รองรับดังนี้ครับ

Vredestein Centauro ST (สายทัวร์ริ่ง ท่องเที่ยว)
- 120/70 zr17 (58W) เส้นละ 3000
- 160/60 zr17 (69W) เส้นละ 4000
- 170/60 zr17 (69W) เส้นละ 4200
- 180/55 zr17 (73W) เส้นละ 4500
- 190/50 zr17 (73W) เส้นละ 4800
- 190/55 zr17 (75W) เส้นละ 4900
Vredestein Centauro NS (สปอร์ตไบค์ แทร๊คเดย์)
- 120/70 zr17 (58W)
- 180/55 zr17 (73W)
- 190/55 zr17 (75W)
- 200/55 zr17 (78W)
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Vredestein Moto Thailand
#vredstein#centaurost#centaurons#Bikersthailand