แปลกใจ…ก่อนหน้านี้รถเราไม่ได้แข็งกระด้างแบบนี้นี่…!?
มันเป็นความรู้สึกแรก หลังจากที่ผมได้ขับรถตัวเอง ภายหลังขี่ BURGMAN 400 ABS ไปเป็นเวลา 6 วันเต็ม
ก่อนหน้านี้ผมค่อนข้างจะปรามาสเจ้าโซฟาซิ่งคันนี้ไว้เยอะพอสมควร เนื่องจากไม่ค่อยได้เห็นในท้องตลาดบ่อยนัก ครั้งนี้ทันทีที่ได้รับโอกาสจาก “ไทยซูซูกิ คอร์ปอเรชั่น พัฒนาการ” ผมจึงตอบรับอย่างไม่ลังเลและนำ Burgman 400 คันนี้มาทำการทดสอบขับขี่ใช้งานจริง แบบเรียลๆไปทำงานจริง จ่ายตลาดจริง 6 วันเต็มๆ ระยะทางวันละเกือบ 80 กิโลเมตร “ในสภาพการจราจรที่ติดขัดทุกๆวัน” เทียบกับรถผมเองฟีลลิ่ง Foza300 มันต่างกันยังไง
ข้อมูลเครื่องยนต์
- ประเภทเครื่องยนต์: สูบเดี่ยว 4 จังหวะ DOHC
- ปริมาตรกระบอกสูบ: 399.9 ซีซี
- พละกำลังสูงสุด: 29 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุด: 36 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบ/นาที
- ระบบระบายความร้อน: น้ำ (Liquid-Cooled)
- ระบบเกียร์: CVT (Continuously Variable Transmission)
ขนาดและน้ำหนัก
- น้ำหนัก: 218 กิโลกรัม
- ขนาด (ยาว x กว้าง x สูง): 2,235 x 765 x 1,350 มม.
- ความสูงเบาะนั่ง: 125 มม.
- ความจุถังน้ำมัน: 13.5 ลิตร
ระบบเบรก
- เบรกหน้า: ดิสก์คู่ ขนาด 260 มม.
- เบรกหลัง: ดิสก์เดี่ยว ขนาด 210 มม.
- ระบบ ABS: มีให้ในรุ่นนี้
ฟีเจอร์เพิ่มเติม
- ระบบ Traction Control: เพิ่มเข้ามาเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่
- ช่องเก็บของใต้เบาะ: ขนาดใหญ่ สามารถใส่หมวกกันน็อกเต็มใบได้
- ระบบไฟหน้า LED: เพื่อการมองเห็นที่ดีในเวลากลางคืน
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
- ประมาณ 27 กม./ลิตร
ราคา
- 239,000 บาท
ก่อนจะไปกันต่อ ถ้าเพื่อนๆอยากทราบสเปคของ Burgman400 ABS 2024 อย่างละเอียดสามารถเข้าไปดูได้ที่ลิงค์นี้นะครับ >> Suzuki Burgman400 ABS 2024 และของ Global ต่อจากนี้จะเป็นเรื่องของความรู้สึกจากการขับขี่ล้วนๆ โปรดใช้จักรยานในการอ่านเเละพิจารณาตาม แล้วหาโอกาสไปทดสอบด้วยตัวเองนะครับ ถ้าพร้อมเเล้วก็ปายยยย…!!
SHAPE AND SIZE
มองครั้งเเรกยอมรับครับว่า รู้สึกว่าตัวรถใหญ่ กังวลเหมือนกันว่าจะทำให้ขับขี่ไม่สะดวก ด้วยตัวรถที่ดูยาวและดูเหมือนจะกว้างพอสมควรซึ่งอาจจะเทอะทะเมื่อขับขี่บนท้องถนน
แต่พอได้ลองขึ้นไปคร่อมรถจริงๆ ก่อนจะออกจากโชว์รูม ผมรู้ทันทีเลยว่าจริงๆแล้วความกว้างของตัวรถนั้นแทบไม่ต่างจาก FORZA300 ของผมเลย อีกทั้งยังขี่มั่นใจกว่าโดยเฉพาะตอนจอดอยู่กับที่ เพราะความสูงของเบาะจากพื้น Burgman400 สามารถทำให้ผมที่สูง 169 ซม. เหยียบพื้นได้เต็มสองเท้าโดยที่ไม่ต้องเขย่งแบบ Forza ถึงแม้ว่าเรื่องการเหยียบพื้นถึงหรือไม่นั้นจะไม่เป็นปัญหาสำหรับผมที่คุ้นเคยการขี่รถอยู่เเล้ว เเต่เชื่อเถอะครับ ว่ามันจะมีประโยชน์อย่างมากสำหรับหลายๆคน โดยเฉพาะคนที่อยากขี่รถสบายๆ และต้องการความมั่นใจที่มากกว่า จุดเด่นนี้ถือว่าทำได้ดีมากครับ
และด้วยตัวรถที่ยาว ทำให้ผมสามารถเหยียดขาได้เต็มที่ โดยที่เข่าไม่งอ และการดีไซน์นี้ยังเก็บปลายเท้าไม่ให้กางออกมาเหมือนเเบรนด์อื่นอีกด้วย ยิ่งถ้าวิ่งทางไกลได้เหยียดขาสบายๆมันวิเศษจริงๆครับ ช่องเก็บของด้านหน้า ซ้ายเก็บของได้น้อยไปหน่อย เเต่ช่องเก็บของด้านขวาใส่ของได้เยอะเลย
EYE VIEW
มุมมองการขับขี่เมื่อนั่งไปเเล้วสิ่งที่สะดุดตาผมมีอยู่ 2 อย่างคือ “กระจก” กับ “ชิลด์หน้า”
เรามาเริ่มที่กระจกกันก่อนครับ ดูเเล้วก็อาจจะไม่มีอะไร เเต่ว่ามันมีความพิเศษอยู่ คือมันสามารถเปลี่ยนโหมดขับขี่เป็น “โหมดมุด” ได้ ใช่ครับอ่านไม่ผิด มันสามารถพับซ้อนเข้ามาเหมือนที่พับกระจก Forza ของผมนั้นเเหละครับเพียงเเต่ว่า Forza พับเเล้วจะมองกระจกไม่ได้ แต่ว่า Burgman400 เมื่อพับเข้ามาเเล้วยังสามารถมองได้ชัดเจนอยู่เเถมยังปรับมุมมองต่อได้อีก เหมาะกับการขับขี่ในเมืองอย่างมาก เเล้วพอเราเดินทางออกนอกเมืองการจราจรปลอดโปร่งเรากางออกเพื่อใช้กระจกให้เต็มประสิทธิภาพก็ได้ เเต่สำหรับผมเเล้ว ผมพับตลอดการใช้งาน 6 วันเลยมันพริ้วมากครับ
ในส่วนของชิลด์ อันนี้ต้องยอมรับว่าขัดใจอยู่เหมือนกันกับการที่มันไม่สามารถปรับได้เหมือนกับเเบรนด์อื่นๆ คือ อยากลดให้สั้นลงก้ไม่ได้ อยากยืดให้สูงขึ้นก็ทำไม่ได้ นั่นหมายความว่า Suzuki เค้าต้องมั่นใจมากเเน่ๆ ว่าตอบโจทย์การใช้งานแล้วถึงได้ทำความสูงให้ระดับเดียวเเบบนี้ และผมก็ได้คำตอบยืนยันกับตัวเองหลังจากนั้นครับ
หมวกที่ผมใช้ทดสอบขับขี่ผมเลือกแบบ OPEN FACE ก็เพราะคิดว่าหลายคนที่ขี่รถในเมืองเเละใช้สกู๊ตเตอร์ จะเลือกใช้หมวกประเภทนี้กันนะครับ ผลการขับขี่ เมื่อขับในเมืองการระบายอากาศหลังชิลด์ ทำได้ดีกว่าที่คิดไม่ได้รู้สึกร้อน หรือลมไม่เข้าตัวเเต่อย่างไร ใช้งานในเมืองที่รถติด ได้เเบบสบายๆ ขณะที่เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูงคือตั้งเเต่ 120 ขึ้นไปอาจมีลมปะทะบ้างเเต่ไม่มากไม่เกิดผลเสียกับการขับขี่ เเต่คนซ้อนอาจจะต้องสู้กับลมเยอะหน่อยเท่านั้น โดยรวมถือว่าโอเคครับ
Ride Felling
อย่างแรกที่จะขอลัดคิวขึ้นมาพูดก่อนเลยคือ “ความนุ่มนวล” ครับ ผมกล้าพูดเลยว่าสกู๊ตเตอร์รุ่นนี้ของ Suzuki รหัส Burgman 400 มีความนุ่มนวลที่โดดเด่นที่สุดในรถสกู๊ตเตอร์ที่ผมได้ขับมา แม้โช้คอัพด้านหน้าจะเป็นแบบ “เทเลสโคปิก” ทั่วไปแต่ suzuki ก็ยังออกแบบมาให้นุ่มนวลในทุกแรงกระแทกของผิวถนน โดยเฉพาะโช้คหลังที่เป็นโช้คนอนแบบ “Softail” หรือที่ Suzuki เรียกว่า LINK-TYPE MONOSHOCK
ผมที่พอมีความรู้เรื่องโช้คอัพรถมอเตอร์ไซค์อยู่บ้าง บอกได้เลยครับว่าคุณอาจไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนโช้คอัพเลยด้วยซ้ำสำหรับเจ้า Burgman400 คันนี้ เพราะระบบกันสะเทือนทั้ง-หน้าและหลังสามารถให้ความนุ่มนวลได้อย่างดี แบบเกินหน้าเกินตาคู่แข่งทุกๆแบรนด์ในพิกัดเดียวกันไปมากๆ มันนุ่มมากๆ นุ่มจนเหมือนว่าคุณกำลังขับรถเก๋ง หรือ PPV ที่โมดิฟายโช้คอัพมาแล้ว คือนุ่มและยึดเกาะถนนได้ดีมากๆ อย่างเช่นผมกระโดดคอสะพานแต่ล้อหลังแทบไม่ลอยหลุดจากพื้นเลย และลูกกระแทกอื่นๆ รอยต่อถนนหรือถนนที่เป็นพื้นคอนกรีตที่ผิวถนนเป็นคลื่นไม่เรียบ ซึ่งถ้าโช้คอัพไม่ดีจะรู้สึกกระด้างมากๆจนปวดหลังแต่ Burgman ทำได้ดีมากจริงๆครับ
นอกจากโช้คอัพจะดีเเล้ว ยังมีอีกจุดที่เป็น The Best ไม่แพ้กันคือ “เบาะ” โอ้มันสุดยอด ของสุดยอดนุ่มมากเมื่อได้นั่ง ชนิดที่ว่า Bigbike ผมที่ทำเบาะเจลมาเเล้วฟีลลิ่งการนั่งดูท่าผมจะชอบของ Burgman 400 มากกว่าด้วยซ้ำ มันน่าจะเป็นเบาะของรถสกู๊ตเตอร์ที่นุ่มที่สุดที่ผมเคยนั่งมาแล้วพอมาทำงานร่วมกับโช้คอัพเทพๆ ก็ยิ่งทำให้ความนุ่มนวลของเบิกแมนโดดเด่นขึ้นไปอีก ซึ่งนอกจากเบาะจะนุ่มแล้วตัวพนักพิงของผู้ขับขี่เองยังสามารถสไลด์เข้าออกเพื่อให้ได้ระยะที่สามารถขับขี่ได้ถนัด ส่วนเบาะของคนซ้อนนั้นก็มีการเว้ารอไว้ด้วย ช่วยให้คนซ้อนมีความมั่นใจไม่ไหลขึ้นหน้า หรือถอยหลัง แล้วก็ยังให้ความนุ่มนวลได้เช่นเดียวกัน จากที่กล่าวมาผมขอยกให้มันเป็นจุดเด่นที่สุดของเบิกแมนนั่นก็คือ “ความนุ่มนวล” นั่นเอง ซึ่งคุณจะไม่ได้พบเจอฟิลลิ่งแบบนี้ได้ง่ายๆเลย
อัตราเร่งเเละการขับขี่
ยอมรับอีกอย่างนึงว่า Burgman400 เป็นรถที่มีอัตราเร่ง นุ่มนวลจริงๆครับ จะไม่ได้กระชาก หรือพุ่งทะยาน แบบรุ่นอื่นๆในท้องตลาด แต่ก็จัดได้ว่า ช่วงต้นและช่วงกลาง สามารถทำได้ดี ความเร็วปลายผมได้ลองขับขี่แล้ว อยู่ที่ประมาณ 140-150 กม/ชม มีกำลังติดมือตลอดเพียงพอและออกจะเกินพอ กับการใช้งานทั่วไปบนท้องถนนด้วยซ้ำ โดยการที่อัตราเร่งนุ่มนวลแบบนี้ส่วนตัวคิดว่าคนซ้อนน่าจะชอบมากเพราะจะไม่ค่อยตกใจเวลาคนขับเร่งความเร็วอีกทั้งเบาะยังนุ่มและโครงสร้างรูปทรงของเบาะก็รองรับเป็นอย่างดีทำให้เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ Burgman400 ที่จะทำให้ทั้งคนขับและคนซ้อนรู้สึกสบายสูงสุดเวลาขับขี่
ระยะเเฮนด์ก็กว้างกำลังดีไม่กางมากมุดรถติดสบาย ผมสามารถขับได้คล่องตั้งแต่ออกจากศูนย์ได้ไม่ถึง 5 นาทีด้วยซ้ำ การมุดในเมืองไม่เกิดปัญหากับผมเลยครับ ส่วนเรื่องการเบรคหรือความปลอดภัย เวลาถนนลื่นก็ไม่ต้องกังวลมากนักเพราะมีระบบ Traction Control ที่ทำงานได้เป็นอย่างดีผมลองขับขี่ช่วงฝนตกแล้วเร่งแรงๆ บางช่วงที่ลื่นเครื่องยนต์ก็ถูกตัดกำลังได้ทันที
อีกจุดหนึ่งที่เด่นกว่าสกู๊ตเตอร์คลาสเดียวกันก็คือระบบเบรคครับ Burgman400 ABS มีระบบเบรคด้านหน้าเป็นแบบ “ดิสก์คู่” ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าให้ความกระชับและหยุดรถได้ระยะทางที่สั้นกว่าค่อนข้างมาก เรียกว่าได้ดั่งใจเลยดีกว่า ร่วมกับเบรคหลังและโช้คอัพแบบ Soft Tail แล้วมันคือสกู๊ตเตอร์คลาส 400 ที่สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่พอจะนึกออกได้แล้วเลยทีเดียว
สรุป Burgman 400 ABS เหมาะกับใคร?
ด้วยความที่มีคาเเรคเตอร์เป็นรถที่นุ่มนวล บุคลิกที่ดูแล้วเป็นผู้ใหญ่ แต่ในขณะเดียวกันก็มีพละกำลังที่เหลือเฟือกับการใช้งานทั้งเดินทางท่องเที่ยวและใช้งานในชีวิตประจำวัน อัตราเร่งและอัตราการกินน้ำมันอยู่ในเกณฑ์ที่พอใช้สำหรับรถพิกัด 400 ซีซี ที่ประมาณ 25 กิโลเมตร/ลิตร (ซัดกระจายย) อีกทั้งยังมีความนุ่มนวลในเรื่องของระบบกันสะเทือนที่ยอดเยี่ยม ซึ่งผมคิดว่าน่าจะดีที่สุดแล้วในคลาสนี้ รวมถึงเบาะที่นุ่มนวลไม่แพ้กับช่วงล่างเลย ผมขอสรุปเลยว่า
“Burgman 400 ABS เหมาะกับคนที่ต้องการใช้รถแบบง่ายๆ เน้นความสบายในการเดินทาง ความเเรงของเครื่องยนต์ไม่ใช่เป้าหมายของคุณ ขอแค่มีกำลังเพียงพอสำหรับการใช้งานก็พอใจ แต่ทุกครั้งที่เดินทางจะต้องสบายที่สุดเท่าที่มอเตอร์ไซค์คันนึงจะให้ได้” ถ้าคุณต้องการอย่างนี้ผมกล้าการันตีได้เลยว่า Burgman 400ABS คือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณอย่างไม่ต้องสงสัย…!!
สำหรับใครสนใจอยากลองทดสอบขี่ด้วยตัวเอง สามารถติดต่อได้ที่ SUZUKI MOTOSALES CORPORATION (THAILAND) CO., LTD. เพราะเราไม่อยากให้เชื่อทันที ของอย่างนี้มันต้องลองง
